อเมริกันฟุตบอลคืออะไร

อเมริกันฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่จะใช้ผู้เล่นทั้งหมด 11 คนในแต่ละทีม โดยแต่ละฝั่งจะต้องใส่เครื่องป้องกันที่มีความทนทานและซึมซับแรงปะทะได้เป็นอย่างดี เพราะตัวนักกีฬาของอเมริกันฟุตบอลนั้นจะมีการปะทะที่รุนแรงเข้าหากัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายนักกีฬาได้ เป้าหมายของการทำแต้มในแต่ละเกมนั้นคือการนำลูกบอลไปเข้าขอบสนามของอีกฝั่งที่จะมีหน้าที่เป็นเอนด์โซนหรือประตู การนำลูกบอลเข้าเอนด์โซนสามารถทำได้หลายแบบ แต่ก็จะได้แต้มคะแนนที่แตกต่างกันไป หากใครได้มากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะนั้นเอง

ผู้เล่นของอเมริกันฟุตบอล

ในแต่ละทีมจะต้องมีผู้เล่นฝั่งละ 11 คนในสนามเท่านั้น โดยจะสามารถสลับเปลี่ยนผู้เล่นได้ ตามแต่สถานการณ์ ซึ่งแต่ละทีมใน NFL จะมีผู้เล่นในทีม 53 คนและจะแบ่งออกเป็นทีมรุก ( Offense Team ) ทีมรับ ( Defensive Team ) และทีมพิเศษ ( Special Team ) โดยผู้เล่นสำรองไม่จำกัดแต่ห้ามเข้าเขตสนามระหว่างที่บอลกำลังเล่นอยู่

ตำแหน่งทั้งหมดของอเมริกันฟุตบอล

โดยในอเมริกันฟุตบอลจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ทีมรุกและทีมรับ โดยจะทำการแบ่งตำแหน่งต่างๆ ทั้งหมดดังนี้

ทีมรุก

  • Offensive Line ( OL ) ออฟเฟนซ์ซิฟไลน์ จะมีผู้เล่น 5 คน โดยเป็นออฟเฟนซ์ซีฟแทกเกิล ( Offensive Tackle / OT ) 2 คน, การ์ด ( Guard / G ) 2 คน และ เซนเตอร์ ( Center / C ) 1 คน หน้าที่หลักๆของออฟเฟนซ์ซีฟไลน์คือ ต้องป้องกันผู้ขว้างบอล และ ทะลวงเปิดทางให้กับผู้เล่นวิ่งพาบอล การเริ่มเล่นจะเริ่มจากผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์ สแนปลูกบอล ส่งผ่านใต้หว่างขาของตัวเองให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งปกติแล้วจะเป็นผู้เล่นตำแหน่งควอเตอร์แบค
  • ควอเตอร์แบค ( Quarterback / QB ) จะเป็นผู้ที่ได้รับลูกบอลในเกือบกุกการเล่น หลังจากนั้นก็จะส่ง หรือ โยนลูกบอลต่อให้กับผู้เล่น รันนิ่งแบค ( Running Back ) หรือขว้างให้กับผู้เล่นตำแหน่งที่อนุญาติให้รับบอลได้ หรืออาจวิ่งพาลูกไปเองก็ได้
  • รันนิ่งแบค ( Running Back / RB ) อาจจะมีการเรียกว่า ฮาร์ฟแบค ( Half Back ) หรือ เทลแบค ( Tail Back ) และ ฟูลแบค ( Full Back / FB ) จะจัดตำแหน่งก่อนเล่นอยู่ข้างหลัง หรือ ข้างๆ OB มีหน้าที่ในวิ่งพาบอล ( โดยเฉพาะ RB ) หรือทำการสกัดผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ( โดยเฉพาะ FB ) รับลูกบอลที่ขว้างมาให้ หรือ แม้แต่ทำการขว้างบอลไปให้เพื่อนร่วมทีม
  • ไวด์รีซีฟเฟอร์ ( Wide Receiver / WR ) จะเรียงตัวอยู่ใกล้เส้นข้างสนาม มีหน้าที่ในการรับลูกบอลขว้างมา
  • ไทท์เอนด์ ( Tight End / TE ) จะวางตัวอยู่ในตำแหน่งนอกออฟเฟนซ์ซีฟไลน์ เล่นได้เหมือนทั้ง WR โดยการรับลูกที่ขว้างและ OL โดยการป้องกัน QB หรือ ทะทวงทางวิ่งให้กับผู้เล่นวิ่งพาบอล

ทีมรับ

  • ดีเฟนซ์ซีพไลน์ ( Defensive Line / DL ) ประกอบด้วยผู้เล่น 3 ถึง 5 โดยที่เป็นดีเฟนซ์ซีฟเอนด์ ( Defensive End ) 2 คน ดีเฟนซ์ซีฟแทกเกิล ( Defensive Tackle / DT ) 1 ถึง 2 คน และอาจมี โนสแทกเกิล ( Nose Teckle / NT ) 1 คนเรียงตัวตรงข้ามกับออฟเฟนซ์ซีฟไลน์ มีหน้าที่ในการแทกเกิลสกัดรันนิ่งแบคในการวิ่งกินระยะ หรือแทกเกิลควอเตอร์แบคก่อนทำการขว้างบอล
  • ผู้เล่นอย่างต่ำ 4 คนจะเรียงตัวในตำแหน่ง ดีเฟนซ์ซีฟแบค ( Defensive Back / DB ) ซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นในตำแหน่งคอร์เนอร์แบค ( Corner Back / CB ), ฟรีเซฟตี ( Free Safety / FS ) และสตรองเซฟตี ( Strong Safety / SS ) มีหน้าที่ป้องกันผู้เล่นรับลูกฝ่ายรุก ในการรับลูกบอลและบางครั้งก็อาจจะทำการจู่โจมเข้าหาควอเตอร์แบค
  • ผู้เล่นอื่นในทีมรับเรียก ไลน์แบคเกอร์ ( Line Backer / LB ) เรียงตัวอยู่ระหว่าง DL และ DB ทำหน้าที่หลายอย่าง โดยอาจจู่โจมเข้าหาควอเตอร์แบค ป้องกันผู้เล่นรับลูก หรือ สกัดผู้เล่นวิ่งพาลูก

ทีมพิเศษ

กลุ่มของผู้เล่นที่มีหน้าที่ในเกี่ยวกับการเตะทั้งหลาย เรียกว่า ทีมพิเศษ หรือ สเปเชียลทีม ( Special Teams ) ผู้เล่นในทีมพิเศษนี้จะมี พันท์เตอร์ ( Punter / P ) ซึ่งเป็นผู้เตะทิ้ง โดยเป็นการถือลูกตเะ และ คิกเกอร์ ( Kicker / K ) หรืออาจเรียก เพลซคิกเกอร์ ( Place Kicker / PK ) เป็นผู้เตะเปลี่ยนและผู้เตะประตูซึ่งเป็นการเตะลูกบอลการการวางบนพื้นสนามโดยวางอุปกรณ์ตั้งลูก และ จับวางโดยเพื่อนร่วมทีม ตามลำดับ

เวลาช่วงการแข่งขัน

ระยะเวลาการแข่งขันแบ่งเป็น 2 ครึ่ง แต่ละครึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 15 นาที เรียก ควอเตอร์ ( Quarter ) รวมเป็นเวลาแข่งขัน 60 นาที และมีช่วงเวลาพักครึ่งระหว่าง ควอเตอร์ที่ 2 และ ควอเตอร์ที่ 3 เป็นเวลา 10 นาที ทว่าในการเล่นแต่ละครั้งอาจจะมีการหยุดเวลาหลังการเล่นเมื่อลูกตาย

ในการแข่งขัน NFL หากมีคะแนนเสมอกันหลังจบเวลาการแข่งขันปกติ จะมีการต่อเวลาการแข่งขันออกไปอีก 15 นาทีการตัดสินว่าทีมใดจะครองลูกครั้งแรกใช้การเสี่ยงเหรียญทาย ทีมแรกที่สามารถทำคะแนนได้จะเป็นฝ่ายชนะทันที แต่ถ้าหากไม่มีทีมใดทำคะแนนได้ใน 15 นาทีนี้ ถ้าเป็นการแข่งขันในฤดูกาลปกติการแข่งขันนัดนั้นจะตัดสินผลเป็นเสมอกัน แต่ถ้าหากเป็นการแข่งขันเพลย์ออฟ จะต่อเวลาไปอีกครั้งละ 15 นาที จนกว่าจะมีทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนได้

การขอเวลานอก ( Overtime )

แต่ละทีมมีสิทธิ์ขอเวลานอกได้ครึ่งละสามครั้ง ครั้งๆละ 1.50 นาที โดยการขอเวลานอกทำโดยการส่งสัญญาณมือให้ผู้ตัดสินทราบ การขอเวลานอกกระทำได้ทั้งโดยหัวหน้าผู้ฝึกสอนหรือผู้เล่นในสนาม หากใช้ไม่หมดจะไม่สามารถนำไปทบรวมกับครึ่งหลังได้ และ ห้ามไม่ให้ขอเวลานอกในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์ที่ 2 และ 4

นอกจากเวลานอกของแต่ละทีมแล้วกรรมการจะให้เวลานอกอีก 2 ครั้งโดยอัตโนมัติที่เวลา 2 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์ที่ 2 และ 4 โดยมีกำหนดเวลา 1.50 นาที

การเริ่มเล่น หรือ คิกออฟ ( Kick Offs )

การเล่นเริ่มต้นด้วยการเสี่ยงโยนเหรียญเพื่อเลือกว่าฝ่ายใดจะได้ครองบอล ( Possession ) เป็นฝ่ายบุก ( Offense ) ก่อน, และเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายส่งผู้เล่นลงสนามแล้ว ทีมพิเศษฝ่ายรับ ( Defensive Special Team ) จะเปิดเกมส์ด้วยการเตะเปิด ( Kick Off ) ส่งบอลให้ ทีมพิเศษฝ่ายบุก ( Offensive Special Team ) ได้รับบอลและเริ่มการบุก

 

  • ถ้าทีมพิเศษฝ่ายรับเตะบอลเข้าไปในเขตเอนด์โซน ( End Zone ) ของฝ่ายบุก ( Offensive ) และไม่มีผู้รับบอลได้หรือเตะเลยเอนด์โซนออกไปทางด้านหลัง ทีมบุกจะได้สิทธิ์ออกมาเริ่มต้นการเล่นที่เส้น 20 หลาในแดนตัวเอง
  • ถ้าทีมพิเศษฝ่ายบุกรับบอลแล้วมีการวิ่งพาบอลเพื่อทำระยะ ทีมพิเศษฝ่ายรับสามารถเข้าหยุดยั้งด้วยการแทคเกิล ( Tackle ) ซึ่งหากสามารถทำแทคเกิลได้ที่ระยะใดทีมบุกจะต้องลงมาเริ่มต้นเล่นที่จุดนั้นใหม่
ตำแหน่งของการวางบอลที่เกิดจากการแทคเกิลจะใช้ตำแหน่งของบอลในขณะที่ถูกแทคเกิลและเป็นผล

การทำคะแนนของอเมริกันฟุตบอล

วิธีการทำคะแนนในกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน โดยจะมีจากทั้ง การบุก, การเปลี่ยนการครองบอล, การขว้างบอล และ การเตะทิ้ง ซึ่งจะมีคะแนนแต้มที่แตกต่างกัน วิธีการได้รับแต้มทั้งหมดจะมีดังนี้

  • การบุก ทีมบุกจะได้สิทธิ์การเล่นเป็นชุด ( set of play ) ในแต่ละชุดทีมบุกจะมีโอกาสในการเล่น สูงสุดไม่เกิน 4 ครั้ง ( 4 Downs ) โดยจะต้องพยายามทำระยะในการบุกให้ได้ มากกว่าหรือเท่ากับ 10 หลาต่อการบุกหนึ่งชุด หากสามารถทำระยะได้ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในดาวน์ที่เท่าไหร่ก็ตาม การเล่นครั้งต่อไปจะถูกนับว่าเป็นการเล่นในชุดใหม่ทันที ( First Down Conversation ) แต่ถ้าหากไม่สามารถทำระยะได้ภายในดาวน์ที่ 4 ทีมบุกจะเสียการครองบอล ( Possession ) ทันที และทีมบุกฝ่ายตรงข้ามจะได้สิทธิ์ในการเริ่มเล่น ณ จุดที่เสียการครองบอลแทน( ทีมบุกสามารถเลือกที่จะใช้ดาวน์ที่ 4 ในการ เตะกินแดน Punt kick แทนการเล่น เพื่อสละการครองบอลไปให้ฝ่ายตรงข้ามได้ )
  •  การเปลี่ยนการครองบอล ( Possession Change ) สามารถเกิดได้ด้วยสาเหตุทั้งหมด 3 อย่าง 1 ทีมบุกเปลี่ยนจากการเล่นในดาวน์ใดๆมาเป็นการเตะกินแดนเพื่อสละการครองบอลให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับบอลและวิ่งย้อนทำระยะ, 2 ทีมบุกเสียการครองบอลจากการที่ถูกทีมรับดักบอล ( Intercept ) หรือยึดจับบอลได้จากการทำบอลหลุดและบอลยังไม่ตาย ( Fumble ) และวิธีสุดท้าย ทีมบุกเตะเปลี่ยนการครองบอล ( Kick off ) ให้ทีมรับหลังจากการทำคะแนนแล้ว
  • การขว้างบอล ผู้เล่นสามารถรับบอลที่ถูกขว้างขึ้นหน้าได้ต้องเป็นผู้เล่นในตำแหน่งที่มีสิทธิ์รับบอลเท่านั้น ได้แก่ ผู้เล่นทีมรับทุกคน, ผู้เล่นทีมบุกที่ไม่ได้จรดในตำแหน่ง Center, Guard, Tackle ทั้งนี้ผู้เล่นทีมบุกสามารถขว้างบอลขึ้นหน้าได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้นต่อการเล่น 1 ดาวน์ ( ทำผิดเสีย 5 หลา ) หากผู้ที่จะทำการขว้างขึ้นหน้าต้องขว้างจากหลังแนววางบอลเท่านั้น ( ทำผิดเสียดาวน์และ 5 หลา ) หากผู้เล่นทีมบุกที่สามารถรับบอลได้ถูกบอลที่ขว้างแล้ว ( รับหรือสัมผัส ) ผู้เล่นทีมบุกคนอื่นๆ จะกลายเป็นผู้เล่นที่มีสิทธิ์รับบอลได้ทันที, การขว้างบอลขึ้นหน้าให้แก่ผู้เล่นที่ไม่มีสิทธิ์รับนั้น, ถ้าถูกบอลโดยไม่เจตนาหลังแนววางบอล จะเสีย 5 หลา, ถ้าถูกบอลเหนือแนววางบอลไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่จะเสีย 5 หลา, การขว้างบอลขึ้นหน้าจะไม่สำเร็จ ( Incomplete ) และบอลตายเมื่อขว้างบอลออกนอกสนามหรือขว้างลงพื้น หรือ ขว้างบอลโดนเสาประตูหรือคานประตู, การรับบอลที่ขว้างขึ้นหน้าได้ในขณะที่มีการครองบอล, ในการเล่นดาวน์ที่ 4 หากการขว้างบอลไม่สำเร็จ ทีมบุกจะเสียดาวน์ที่ตำแหน่งแนววางบอลม, ถ้ามีการทำฟาวล์บุคคล ( Personal foul ) โดยผู้เล่นทีมรับก่อนที่จะการขว้างจะสำเร็จ ทางทีมจะได้รับ 15 หลา แต่ถ้าหากมีการทำฟาวล์รบกวนการรับบอล โดยผู้เล่นทีมรับต่อผู้เล่นทีมบุกที่จะรับบอล, ทีมรับจะเสียระยะโดยทีมบุกจะได้เริ่มเล่นดาวน์ที่ 1 ที่จุดทำฟาวล์
  • การเตะทิ้ง หรือ พันท์ ( Punt ) ถ้าหากทีมรุกไม่สามารถกลับไปเริ่มดาวน์ที่หนึ่งได้หลังจากการเล่น 3 ครั้งแล้ว คือการเปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 ไม่ได้ภายใน 3 ครั้ง ส่วนมากดาวน์ที่ 4 ทีมที่ได้บุกจะไม่เล่นต่อ แต่จะให้ทีมพิเศษของฝ่ายตัวเองลงมาพันท์เพื่อกินระยะ แล้วเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายบุกแทน เนื่องจากถ้าเล่นครบ 4 ดาวน์แล้ว ยังไม่สามารถบุกได้ระยะ 10 หลา จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถเริ่มบุกจากจุดสุดท้ายที่ลูกตาย ดังนั้นเลยต้องพันท์ทิ้ง เพื่อเอาระยะให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มบุกจากระยะห่างจากเอนด์โซนของฝ่ายตัวเอง ส่วนในการรับลูกพันท์แล้ววิ่งย้อนนั้นสามารถทำได้เหมือนกับการรับลูก Kick off แต่จะมีกฏพิเศษคือ เมื่อทีมพิเศษรับลูกหรือแตะโดนลูก จะทำให้การเล่นเพลย์นั้นเป็นฟรีเพลน์ หรือคือการเล่นครั้งนั้นถ้าการเล่นสิ้นสุดลงทีมไหนครอบครองลูกได้ก็จะได้เป็นฝ่ายบุกทันที ยกตัวอย่างเช่น ทีมเอพันท์ไปให้ทีมบี แล้วทีมบีรับลูกวิ่งย้อนคืนมาแล้วเกิดฟัมเบิ้ล ( fumble ) แล้วทีมเอเก็บลูกได้ ทีมเอก็จะได้บุกต่อทันที ณ ตำแหน่งที่ลูกตาย ในการรับลูกพันท์เราจะเห็นรับลูกวิ่งย้อนชูมือแล้วโบกไปมาบ่อยๆ มันก็คือการเรียกแฟร์แคท ในการเรียกแฟร์แคทหมายถึง การที่ตัวรับลูกวิ่งย้อนเมื่อรับลูกแล้ว จะไม่สามารถวิ่งต่อเพื่อเพิ่มระยะได้ แต่จะได้สิทธิพิเศษก็คือ รับพิเศษของฝ่ายพันท์จะไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทคเกิลได้โดยเด็ดขาด

สรุป

อเมริกันฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่อาศัยความแข็งแรงของนักกีฬาและความสามารถในการมองเกมให้ขาดของโค้ชเป็นอย่างมาก เพราะหากยิ่งเล่นเสียเท่าไหร่ก็จะยิ่งห่างไกลจากเอนด์โซนมากยิ่งขึ้น หากฟุตบอลเป็นเกมกีฬาประจำชาติของอังกฤษแล้วนั้น อเมริกันฟุตบอลก็เป็นกีฬาประจำชาติของอเมริกาด้วยเช่นกัน เป็นเกมกีฬาที่มีความสนุกและน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็ดูง่ายเพราะการคะแนนของเกมไม่ได้มีขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยาก แต่จะเป็นการจัดการตำแหน่งของผู้เล่นสะมากกว่าที่ต้องอาศัยทักษณะและประสบการณ์ในการดู ซึ่งการแทงในเว็บของ Miami789 นั้นก็แทงได้ง่ายเหมือนกับการแทงฟุตบอล เพียงแค่กดเข้าไปที่หน้าเกมส์ของทางเว็บไซต์ และเลือกทีมที่ต้องการจะทำการเดิมพัน เพียงเท่านี้ผู้เล่นก็สามารถนั่งดูเพลิดเพลินไปกับอเมริกันฟุตบอลได้แล้ว

เข้าสู่ระบบสมัคร
แนะนำเพื่อนติดต่อเรา